Cryptocurrency คืออะไร
Cryptocurrency คืออะไร cryptocurrency เป็นสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ส่วนใหญ่แล้วไม่รวมศูนย์ ภารกิจของมันขึ้นอยู่กับวิธีการเข้ารหัสต่างๆ ในขณะที่มีบล็อกเชนเป็นรากฐานทางเทคโนโลยี
พูดง่ายๆ ก็คือ บล็อกเชนเป็นบัญชีแยกประเภทดิจิทัลที่สามารถเก็บข้อมูลประเภทต่างๆได้ ในกรณีของ คริปโตนั้น บล็อกเชนมีหน้าที่จัดเก็บข้อมูลการทำธุรกรรมทางการเงินทั้งหมด ปริมาณของ ‘บล็อก’ เหล่านี้เพิ่มขึ้นเมื่อมีการทำธุรกรรมใหม่
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีรากฐานมาจากการเข้ารหัส ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งการรักษาความลับของการสื่อสารระหว่างผู้ส่งและผู้รับ
Virtual Currency คือ
Virtual currency จริงคือเงินดิจิทัลที่ถูกสร้างขึ้นโดยตรงบนเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ถ้าให้กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือการแสดงออกทางดิจิทัลของมูลค่าที่ผู้ใช้สามารถเทรดแบบดิจิทัลได้
Virtual currency ใดๆก็ตาม มีส่วนประกอบหลักอยู่สามส่วน:
- สื่อกลางในการแลกเปลี่ยน
- สกุลเงินในการชำระบัญชี
- ที่จัดเก็บมูลค่า
ในขณะเดียวกันก็ไม่มีสถานะทางกฎหมายในเขตอำนาจศาลหลักใดๆ
การแปลง Virtual Currency
Virtual currency นั้นเป็นได้ทั้งสกุลเงินที่แปลงได้และแปลงไม่ได้
- Virtual currency ที่แปลงได้/Virtual currency แบบเปิดมีน้ำหนักเทียบเท่ากับสกุลเงิน fiat และสามารถนำไปแลกเปลี่ยนกันได้ ตัวอย่างของ Virtual currency ที่แปลงได้รวมไปถึง cryptocurrency ส่วนใหญ่อย่าง Bitcoin, Ethereum และ Cardano
- สกุลเงินที่แปลงไม่ได้ (หรือสกุลเงินแบบปิด) ถูกใช้ในขอบเขตหรือโลกเสมือนเฉพาะบางอย่างเท่านั้น มันไม่สามารถนำมาแลกเป็นสกุลเงิน ‘จริง’ ได้
ประวัติของ cryptocurrency
Cryptocurrency ได้ปรากฎตัวขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2551 และ Bitcoin ก็เป็น cryptocurrency สกุลเงินแรกที่เป็นที่รู้จักกันดี มันถูกเปิดตัวสู่พื้นที่สาธารณะโดยบุคคลนิรนามที่ใช้ชื่อ ซาโตชิ นากาโมโตะ (Satoshi Nakamoto) ยังไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่าซาโตชิเป็นบุคคลคนเดียวหรือเป็นกลุ่มคน
วิวัฒนาการของ cryptocurrency สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายขั้นตอน:
- ระยะจุดกำเนิด: พ.ศ. 2551 – 2553
- ระยะการก่อตัว: พ.ศ. 2554 – 2556
- ระยะการยกระดับ: พ.ศ. 2557 – 2559
- ระยะการกำหนดกฎเกณฑ์โดยธนาคารกลาง: พ.ศ. 2560 – ปัจจุบัน.
ระยะจุดกำเนิด
นับตั้งแต่ก่อตั้ง Bitcoin ได้ผ่านการเปลี่ยนแปลงมาแล้วหลายอย่าง ก่อนอื่นผู้ก่อตั้งเปิดตัว Bitcoin เวอร์ชัน 0.1 จากนั้น 0.2 และ 0.3 แต่ Bitcoin ยังคงมีความเสี่ยงและถูกแฮ็กในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2553 ในระหว่างการโจมตีเหล่านี้ Bitcoin 180 เหรียญถูกสร้างขึ้นและถูกส่งไปยังที่อยู่ต่างๆ ในที่สุด Bitcoin เหล่านั้นก็ถูกพบ ต่อมา Bitcoin เวอร์ชันสุดท้ายที่ได้เปิดตัวล่าสุด – 0.3.9
นี่เป็นเวอร์ชันสุดท้ายของ Bitcoin หรือ BTC ที่เผยแพร่โดยมีส่วนร่วมของ ซาโตชิ นากาโมโตะ หลังจากนั้น เขาก็ยุติกิจกรรมและออกจากโครงการ นอกจากนี้ ในช่วงการกำเนิดของ Bitcoin ฟอรัมชื่อ Bitcointalk ก็ปรากฏขึ้น ซึ่งผู้ที่ชื่นชอบคริปโตได้พูดคุยถึง Bitcoin และข่าวสารในด้านนี้
ระยะการก่อตัว
Cryptocurrency สกุลเงินใหม่ (สกุลเงินที่สอง) ได้ถูกปล่อยออกมา ซึ่งก็คือ Litecoin มีความหวังสูงสำหรับ Litecoin, LTC หลายคนคิดว่า LTC จะสามารถทำผลงานได้ดีกว่า BTC การขุด Litecoin สามารถทำได้บนโปรเซสเซอร์ทั่วไป นอกจากนี้ ณ ตอนนี้ การพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือที่เกี่ยวข้องกับ cryptocurrencyได้เริ่มขึ้นแล้ว ในช่วงฤดูร้อนปี 2554 แอปพลิเคชั่น Bitcoin ตัวแรกสำหรับ iPad ซึ่งก็คือ Bitcoin Mobile ได้รับการเผยแพร่ให้ใช้งาน
ระยะการยกระดับ
ในช่วงเวลานี้ อัตรา cryptocurrency มีความผันผวนสูง ทำให้เศรษฐี Bitcoin หลายพันคนได้ ‘ถือกำเนิดขึ้น’
ในปี พ.ศ. 2557 ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตของ Mt.Gox ซึ่งเป็นตลาดแลกเปลี่ยนที่ถูกจัดอยู่ในอันดับที่ 3 ของโลกในแง่ของปริมาณการเทรดในเวลานั้น ได้ล่มสลายในญี่ปุ่น ด้วยเหตุนี้ อัตราแลกเปลี่ยน Bitcoin ลดลงอย่างรวดเร็ว – จาก 940 ดอลลาร์เป็น 655 ดอลลาร์ต่อหน่วย
ในช่วงฤดูร้อนปี พ.ศ. 2557 ไวทาลิก บิวเทริน (Vitalik Buterin) โปรแกรมเมอร์ชาวแคนาดาที่มีความสามารถได้เปิดตัวบริการการชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ Ethereum เมื่อเขาอายุ 20 ปี หลังจากนั้นไม่นาน บริษัท Ethereum ได้สร้าง Virtual currency ในชื่อ Ether ขึ้น หลังจากนั้น ก็มีการขายโทเค็น Ether ประมาณ 60 ล้านรายการ มูลค่าประมาณ 14 ล้านดอลลาร์
ระยะการกำหนดกฎเกณฑ์
ในปี พ.ศ. 2560 ทั้งโลกตระหนักว่าคริปโตนั้นจะไม่หายไปในเร็วๆ นี้ ดังนั้นมันจึงถึงเวลาแล้วที่จะต้องออกกฎหมายเพื่อออกจากด้านมืดของเศรษฐกิจ ดังนั้น ทุกวันนี้ เรายังคงอยู่ในระยะการกำหนดกฎเกณฑ์ในขณะที่ cryptocurrency ถูกกฎหมายมากขึ้นทุกวัน
ทำไม cryptocurrency ถึงเป็นอนาคต
คริปโตถือเป็นอนาคตของภาคการเงินด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้
- ความแพร่หลายและความอเนกประสงค์สูง
- กระเป๋าเงินบนคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน หรือแท็บเล็ตในระบบปฏิบัติการต่างๆ นั้นสร้างได้อย่างง่ายดาย
- ความเรียบง่ายและเปิดกว้างของการทำธุรกรรม
- ประวัติการทำธุรกรรมขาเข้าและขาออกที่ถูกดำเนินการได้สำเร็จจะถูกเก็บไว้โดยไม่มีการจำกัดเวลา
- แต่ละโหนดของระบบการสร้าง cryptocurrency มีค่าเท่ากัน
- ไม่มีศูนย์ใดที่แยกความเป็นไปได้ในการปิดกั้นกระเป๋าเงิน การยกเลิก และการควบคุมการชำระเงิน
- การไม่เปิดเผยตัวตนขั้นสูงสุด
- เมื่อทำการชำระเงิน คุณสามารถระบุที่อยู่สาธารณะของกระเป๋าเงินของคุณโดยไม่ต้องเปิดเผยตัวตนของคุณได้
- ธุรกรรมที่ถูกดำเนินการได้รับการปกป้องจากการเข้ารหัส
- การยืนยันการทำธุรกรรมทางการเงินจะไม่สามารถทำได้หากไม่มีการโอนการบล็อกด้วยรหัสยืนยันที่ไม่ซ้ำกัน หากดำเนินการเสร็จสิ้น จะไม่มีใครยกเลิกการโอนเงินได้ ซึ่งจะช่วยขจัดการฉ้อโกงเมื่อชำระค่าสินค้า/บริการด้วย cryptocurrency
วิธีการทํางานของสกุลเงินดิจิทัล cryptocurrency คือ
เนื่องจาก cryptocurrency เป็นหน่วยบัญชีสำหรับการทำธุรกรรมภายในระบบการชำระเงินแบบไม่รวมศูนย์ ดังนั้นการทำงานของมันจึงคล้ายกับระบบธนาคารเป็นอย่างมาก
ทุกวันนี้ เกือบทุกคนคุ้นเคยกับการโอนเงินและทำการซื้อหรือขายด้วยความช่วยเหลือจากธนาคาร ทั้งหมดนี้นั้นรวมศูนย์ซึ่งข้อมูลเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทั้งหมดจะอยู่ในมือคนเพียงคนเดียว ธนาคารทำการยืนยันการโอนเงินจากบัญชีหนึ่งไปยังอีกบัญชีหนึ่ง การดำเนินการนี้ไม่สามารถดำเนินการซ้ำๆหรือแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากธนาคารเป็นผู้รับผิดชอบในการยืนยันและความปลอดภัย สำหรับงานของพวกเขา ธนาคารจะเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่นจากลูกค้าและกำหนดเงื่อนไขในการใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน
Cryptocurrency นั้นทำงานคล้ายกัน แต่ไม่มีศูนย์รวมใดเป็นศูนย์รวมเดียว แม้ว่าข้อมูลธุรกรรมจะถูกจัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หลายพันเครื่องทั่วโลก แต่ข้อมูลดังกล่าวจะถูกรวมเข้าด้วยกันเป็นบล็อก จากนั้นจากบล็อกกลายเป็นเชนต่างๆที่ถูกปกป้องด้วยคีย์เข้ารหัส เชนทั้งหมดจะเปลี่ยนไปหากคุณเปลี่ยนข้อมูลในบล็อกใดบล็อกหนึ่ง
เทคโนโลยีนี้เรียกว่าบล็อกเชน บล็อกเชนนั้นถูกก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการถือกำเนิดของข้อมูลบนการดำเนินการใหม่ต่างๆ การประมวลผลธุรกรรมบนบล็อกเชนและการเลือกคีย์สำหรับการเข้ารหัสต้องใช้พลังการประมวลผลและความพยายาม ผู้ที่ทำงานนี้จะได้รับรางวัล
หน่วยของรางวัลนี้คือเหรียญหรือส่วนหนึ่งของเหรียญ Bitcoin, Litecoin, Ethereum หรืออื่น ๆ นี่คือวิธีการทำงานของการขุด cryptocurrency
กล่าวง่ายๆคือ การขุดคือกระบวนการปิดผนึกบล็อกในบล็อกเชน ซึ่งสนับสนุนการดำรงอยู่ของระบบการชำระเงินและตัว cryptocurrency เอง
รัฐหรือธนาคารกลางไม่ได้ควบคุม cryptocurrency มันทำให้การประมวลผลธุรกรรมเป็นอิสระ โปร่งใสสำหรับผู้เข้าร่วมทั้งหมดในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่รวมอยู่ในบล็อกเชน และในขณะเดียวกันก็ไม่เปิดเผยตัวตน สถานะทางกฎหมายของธุรกรรมเหล่านี้ในหลายประเทศได้รับการตรวจสอบอีกครั้งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
จุดประสงค์หลักของ cryptocurrency คือข้อใด
Cryptocurrency สกุลเงินแรกซึ่งก็คือ Bitcoin ถูกใช้เป็นวิธีการชำระเงินเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้ เราสามารถใช้ cryptocurrency ในรูปแบบอื่นๆ ได้มากมาย:
การชำระเงิน
Cryptocurrency ซึ่งก็เหมือนกับสกุลเงินทั่วไป เป็นเครื่องมือในการชำระเงิน มันสามารถใช้ชำระสินค้าและบริการได้ วันนี้หลายบริษัทยอมรับ bitcoin และโทเค็นยอดนิยมอื่นๆแล้ว สำหรับการชำระเงิน
ธนาคารทางเลือก
บล็อกเชนช่วยให้คุณดำเนินการธุรกรรมได้อย่างรวดเร็วและไม่มีค่าธรรมเนียม ความเร็วของ cryptocurrency สมัยใหม่จำนวนมากใกล้เคียงหรือเร็วกว่าระบบการชำระเงินแบบดั้งเดิม เช่น VISA และ Mastercard เสียอีก
พูดง่ายๆ ก็คือ คริปโตดำเนินการเพื่อทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่ต้องมีคนกลาง และไม่เปิดเผยตัวตน
สกุลเงินดั้งเดิม
Cryptocurrency สามารถใช้เป็นโทเค็นของโครงการบล็อกเชนต่างๆ ใช้เป็นการเงินแบบไม่รวมศูนย์ ใช้เป็นแอปพลิเคชัน เกม และอื่นๆได้ มันสามารถเป็นได้ทั้งหน่วยบัญชีภายในของเครือข่ายดังกล่าวและวิธีการพัฒนาโครงการและดึงดูดทรัพยากรใหม่
ตัวอย่างเช่น หนึ่งในบล็อกเชนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดอย่าง Ethereum ได้สร้างเครือข่ายที่กว้างขวางซึ่งให้บริการสัญญาอัจฉริยะแก่อุตสาหกรรมต่างๆ
การเทรด
Cryptocurrency ส่วนใหญ่ไม่ยึดติดกับทองคำหรือสกุลเงินแบบดั้งเดิม อัตราของพวกมันจะผันผวนไปตามอุปสงค์และอุปทานในตลาด ดังนั้น เหรียญจึงมีความผันผวนสูง และนักเทรดจำนวนมากทำเงินได้จากความผันผวนเหล่านี้ โดยการขายและซื้อ cryptocurrency ในตลาดแลกเปลี่ยนต่างๆ
การลงทุน
Cryptocurrency จำนวนมากมีการเติบโตที่น่าประทับใจในระยะยาว Bitcoin และ Ether ที่ได้กล่าวถึงมาแล้วเติบโตขึ้นเป็นพันเท่าตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ดังนั้น cryptocurrency จึงเป็นเครื่องมือการลงทุนที่มีความเสี่ยงแต่ให้ผลกำไรสูง
วิธีซื้อ cryptocurrency
ขั้นตอนการซื้อคริปโตนั้นคล้ายกับการซื้อของออนไลน์ ดังนั้นขั้นตอนต่างๆจึงค่อนข้างคล้ายคลึงกัน
1. เลือกว่าจะซื้อที่ไหน
มันมีตัวเลือกให้มากมาย ตัวเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต ตลาดแลกเปลี่ยน p2p ตลาด OTC และ DEX ตัวเลือกที่ง่ายที่สุดคือการเลเวอเรจตลาดแลกเปลี่ยนคริปโต (ตลาดออนไลน์ที่เหรียญเสมือนจริงมีการขาย) มาใช้ Binance เป็นตัวอย่างกันดีกว่า
2. ลงทะเบียน
สร้างบัญชีและฝากเงินตามจำนวนที่คุณต้องใช้ Binance อาจขอให้คุณผ่านการยืนยัน KYC (รู้จักลูกค้าของคุณ) ก่อนเติมเงินเข้าบัญชีของคุณ คุณยังสามารถเลือกชำระผ่านบัตรเครดิตโดยตรงได้อีกด้วย
3. เลือก cryptocurrency
Binance มีคริปโตให้เลือกซื้อมากกว่า 600 สกุลเงิน แต่ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ BTC, ETH และ BNB คุณสามารถเลือกซื้ออันไหนก็ได้
4. วางคำสั่งซื้อ
คลิกที่ “Buy” และใส่จำนวนเงินที่คุณต้องการแปลงหรือจำนวนเหรียญที่คุณต้องการซื้อ จากนั้นยืนยันคำสั่งซื้อ
5. ตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของคุณ
หลังจากที่คุณทำทุกอย่างนี้แล้วคุณสามารถหาสิ่งที่คุณซื้อไว้ทั้งหมดได้ในประเป๋าเงิน spot ของคุณ
Cryptocurrency ดีไหม
Cryptocurrency ยังคงเป็นตลาดการเงินที่ใหม่และยังไม่ได้แสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ ดังนั้นคำตอบสั้น ๆ คือใช่ มันเป็นการลงทุนที่ดี แต่ต้องระวังดีๆ!
ลองมาดูความคิดเห็นของ เวลส์ ฟาร์โก (ธนาคารยักษ์ใหญ่ของอเมริกาและผู้ให้บริการทางการเงินระดับโลกที่จัดการสินทรัพย์ประมาณ 1.9 ล้านล้านดอลลาร์) เป็นตัวอย่าง ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 พวกเขาเผยแพร่รายงาน cryptocurrency ต่างๆที่ชื่อว่า Too early or too late? (เร็วไปหรือสายไป)
แนวคิดหลักคือวิวัฒนาการของตลาดคริปโตในตอนนี้ที่เหมือนกับการพัฒนาอินเทอร์เน็ตในช่วงปลายยุค 90 การลงทุนในสินทรัพย์คริปโตวันนี้ “ไม่เร็วเกินไป” แต่ “ยังไม่สายเกินไป”
เวลส์ ฟาร์โก คิดว่ากิจกรรมนี้ยังสามารถสร้างผลกำไรให้เราได้ในอนาคต จำนวนผู้ใช้ cryptocurrency ก็เพิ่มขึ้นแบบไดนามิกทั่วโลก สินทรัพย์คริปโตกำลังเข้าใกล้ระยะ “การยอมรับสูง” เมื่อพวกมันไม่ถูกมองว่าเป็นเครื่องมือทางการเงินที่แปลกใหม่และมีความเสี่ยงสูงอีกต่อไป พวกมันจะเข้าใกล้การถูกนำไปใช้เป็นจำนวนมาก
Cryptocurrency ปลอดภัยไหม
หากคุณเลือกโครงการคริปโตที่เชื่อถือได้ เหรียญของคุณน่าจะปลอดภัย (เว้นแต่ว่าอยู่ๆ บริษัทก็หายตัวไปในวันที่คุณซื้อ)
นอกจากนี้ การที่มีพาณิชยกรรมกับ cryptocurrency ไม่ได้หมายความว่าคุณอยู่ในโซน ‘เครือข่ายมืด’ นี่เป็นเพียงทางเลือกของระบบการเงินแบบดั้งเดิมเท่านั้น นอกจากนี้คริปโตส่วนใหญ่ยังได้รับการรักษาความปลอดภัยหลายๆวิธี
แล้วเงินที่ลงทุนในเหรียญใดเหรียญหนึ่งหนะเหรอ น่าเสียดายที่ตลาดคริปโตมีความผันผวนสูง ในตลาดคริปโตคุณสามารถสูญเสียมูลค่าไป 10% ในวันนี้และรับมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็น 300% ในวันถัดไปได้
ดังนั้น การลงทุนในคริปโตจึงหมายความว่ามูลค่าของเงินของคุณมีความเสี่ยงมากขึ้นไปกว่าการออมเงินด้วยสกุลเงิน fiat อีกด้วย
คำถามที่พบบ่อย
Cryptocurrency เป็นการหลอกลวงหรือไม่
ทั้งอุตสาหกรรมคริปโตทั้งอุตสาหกรรมนั้นไม่ใช่การหลอกลวง มันเป็นภาคการเงินที่มีแววซึ่งคล้ายกับตลาดออนไลน์ในยุค 2000 ในตอนนั้น เรามีทั้งโครงการที่ไว้ใจได้และโครงการที่เป็นการหลอกลวง อย่างไรก็ตาม คุณมักจะเห็นข่าวที่บอกว่าเหรียญคริปโตนี้กลายเป็นศูนย์ได้อย่างไรภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง การฉ้อฉลมีอยู่ทุกหนทุกแห่งและปริมาณของการฉ้อฉลเหล่านั้นในคริปโตเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญมักจะพูดว่า “DYOR” (ทำการค้นคว้าด้วยตัวคุณเอง)
Cryptocurrency ถูกกฎหมายไหม
การเป็นเจ้าของสินทรัพย์คริปโตนั้นไม่ได้ถูกแบนเลยในประเทศไหนก็ตาม สิ่งเดียวที่อาจผิดกฎหมายในรัฐของคุณคือการสร้างรายได้และไม่จ่ายภาษี ไม่มีวิธีการใดวิธีการหนึ่งในการควบคุมทางกฎหมายของ cryptocurrency ต่างๆทั่วโลกได้ ตัวอย่างเช่น ในญี่ปุ่น สิงคโปร์ เยอรมนี เอสโตเนีย และประเทศอื่นๆ cryptocurrency ได้รับการควบคุมในระดับกฎหมายและเป็นวิธีการชำระเงินตามกฎหมาย ตลาดแลกเปลี่ยน cryptocurrency ได้รับอนุญาตให้ดำเนินการในสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น มอลตา และอีกหลายประเทศ